วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554

อังกฤษ

อังกฤษ (อังกฤษ: England) หรือในอดีตเรียกว่า แคว้นอังกฤษ เป็นดินแดนส่วนหนึ่งบนเกาะบริเตนใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป และเป็นดินแดนส่วนที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 4 แคว้น คือ อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ของสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ อังกฤษมีประชากรมากที่สุดและหนาแน่นที่สุด โดยมีประชากรถึงร้อยละ 85 ของประเทศ อังกฤษมีอาณาเขตติดต่อกับอีกสองแคว้นที่อยู่บนเกาะบริเตนใหญ่ด้วยกัน คือ เวลส์ทางด้านตะวันตก และสกอตแลนด์ทางด้านเหนือ พรมแดนนอกเหนือจากนี้แล้วจะติดกับทะเลเหนือ ทะเลไอริช มหาสมุทรแอตแลนติก และช่องแคบอังกฤษ เมืองหลวงของอังกฤษคือกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหราชอาณาจักรด้วย
คำว่า "อิงแลนด์" (England) ซึ่งเป็นชื่อในภาษาอังกฤษของอังกฤษในปัจจุบัน ได้มาจากชื่อ "อังเกิล" (Angles) ซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในบรรดาชนเผ่าเยอรมันหลายเผ่าที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในดินแดนนี้ ตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง 6 โดยมาจาก "Engla Land" และกลายมาเป็น "England" ในปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าอังกฤษจะถูกนิยมเรียกว่าประเทศ ด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ แต่หลังจากที่มีการสถาปนาสหราชอาณาจักรขึ้นเป็นประเทศในปี พ.ศ. 2250 แล้วนั้น แคว้นอังกฤษก็ไม่ถือว่าเป็นรัฐอิสระต่างหากอีกต่อไป ทว่าในประเทศไทย ยังมีการใช้คำว่า' อังกฤษ' แทนสหราชอาณาจักรอยู่โดยทั่วไป


สังคม

การพัฒนาสังคม หมายถึง..

การพัฒนาสังคม
ความหมายของการพัฒนาสังคม
การพัฒนาสังคม หมายถึง การกระทำเพื่อมุ่งปรับปรุงส่งเสริมให้คนที่อยู่ร่วมกัน มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งในด้าน
วัตถุและจิตใจอันจะทำให้การดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันนั้นมีความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุขแต่การที่บุคคลจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข
จะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน อย่างน้อยที่สุดจะต้องมีปัจจัยขั้นพื้นฐานที่ดีพอสมควร กล่าวคือ มีที่อยู่อาศัย มีอาหารเพียงพอ
แก่การเลี้ยงชีพ มีเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มสมควรแก่สภาพและฐานะ เวลาเจ็บป่วยควรจะได้รับการรักษาพยาบาล มีอาชีพมั่นคง มีรายได
้เพียงพอแก่ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ มีความรักใคร่สมานสามัคคีกันของสมาชิกในสังคมและปราศจากภัยคุกคามจากโจรผู้ร้าย ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้จะเกิดมีขึ้นได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยอาศัยวิธีการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าช่วย เพื่อให้เกิด
ความเจริญก้าวหน้าและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
ความสำคัญของการพัฒนาสังคม
เมื่อบุคคลมาอยู่รวมกันเป็นสังคม ปัญหาก็ย่อมจะเกิดตามมาเสมอ ยิ่งสังคมมีขนาดใหญ่ ปัญหาก็ยิ่งจะมีมากและสลับซับซ้อน
เป็นเงาตามตัว ปัญหาหนึ่งอาจจะกลายเป็นสาเหตุของอีกหลายปัญหาเกี่ยวโยงกันไปเป็นลูกโซ่ ถ้าปล่อยไว้ก็จะเพิ่มความรุนแรง เพิ่ม
ความสลับซับซ้อน และขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ ยากต่อการแก้ไข ความสงบสุขของประชาชนในสังคมนั้นก็จะไม่มี


 
1. ทำให้ปัญหาของสังคมลดน้อยลงและหมดไปในที่สุด
2. ป้องกันไม่ให้ปัญหานั้นหรือปัญหาในลักษณะเดียวกันนั้นเกิดขึ้นแก่สังคมอีก
3. ทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าขึ้นมาแทน
4. ทำให้ประชาชนในสังคมสมานสามัคคีและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขตามฐานะของแต่ละบุคคล
5. ทำให้เกิดความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของสังคม
แนวคิดในการพัฒนาสังคม
การพัฒนาสังคมมีขอบเขตกว้างขวาง เพราะปัญหาของสังคมมีมากและสลับซับซ้อน การแก้ปัญหาสังคมจึงต้องทำอย่าง
รอบคอบ และต้องอาศัยความร่วมมือกันของบุคคลจากหลาย ๆ ฝ่าย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในสังคมนั้น ๆ จะต้องรับรู้
พร้อมที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องและเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเสมอ การพัฒนาสังคมจึงต้องเป็นทั้งกระบวนการ วิธีการ กรรมวิธีเปลี่ยนแปลง
และแผนการดำเนินงาน กล่าวคือ
1. เป็นกระบวนการ (Process) เพราะการแก้ปัญหาสังคมต้องกระทำต่อเนื่องกันอย่างมีระบบ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
จากลักษณะหนึ่งไปสู่อีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งจะต้องเป็นลักษณะที่ดีกว่าเดิม
2. เป็นวิธีการ (Method) คือต้องกำหนดวิธีการในการดำเนินงาน โดยเฉพาะเน้นความร่วมมือของประชาชนในสังคมนั้นกับ
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่จะทำงานร่วมกัน และวิธีการนี้ต้องเป็นที่ยอมรับว่าสามารถนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมได้อย่างถาวรและม
ีประโยชน์ต่อสังคม
3. เป็นกรรมวิธีเปลี่ยนแปลง (Movement) การพัฒนาสังคมจะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้ได้และจะต้องเปลี่ยนแปลง
ไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเน้นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของตน เพื่อให้เกิดสำนึกในการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อผลประโยชน์ของส่วน
รวม และรักความเจริญก้าวหน้าอันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางวัตถุ
4. เป็นแผนการดำเนินงาน (Planning) การพัฒนาสังคมจะต้องทำอย่างมีแผนมีขั้นตอน สามารถตรวจสอบและประเมินผลได้
แผนงานนี้จะต้องมีทุกระดับ นับตั้งแต่ระดับชาติ คือ แผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ลงมาจนถึงระดับผู้ปฏิบัติ แผนงานมี
ความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาสังคม
การพัฒนาด้านสังคมไทย
การพัฒนาสังคมของไทยนั้นได้กระทำไปพร้อม ๆ กันทั้งสังคมในเมืองและสังคมชนบท แต่เนื่องจากสังคมชนบทเป็นที่อย
ู่อาศัยของชนส่วนใหญ่ของประเทศ การพัฒนาจึงทุ่มเทไปที่ชนบทมากกว่าในเมืองและการพัฒนาสังคมจะต้องพัฒนาหลาย ๆ ด้าน
ไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะที่เป็นปัจจัยต่อการพัฒนาด้านอื่น ๆ ได้แก่ การศึกษาและการสาธารณสุข
การพัฒนาด้านการศึกษา
การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดประการหนึ่งในการวัดความเจริญของสังคม สำหรับประเทศไทย การพัฒนาด้านการศึกษายัง
นับว่าไม่เจริญก้าวหน้าอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมชนบทของไทยจะพบประชาชนที่ไม่รู้หนังสืออยู่ค่อนข้างมาก นโยบาย
หลักที่สำคัญของรัฐบาลประการหนึ่งในการรณรงค์ให้สภาพการไม่รู้หนังสือนั้นหมดสิ้นไป เป็นภารกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบของ
ประชาชนไทยทุกคนในชาติ
ความสำคัญของการศึกษาที่มีต่อบุคคลและสังคม
การศึกษาก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ทำให้คนมีความรู้ ความเข้าใจ ในวิทยาการใหม่ ๆ กระตุ้นให้เกิด
ความคิดสร้างสรรค์ ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ตลอดทั้งมีเหตุผลในการแก้ปัญหาต่าง ๆ การพัฒนาด้านการศึกษาก็คือการพัฒนาคุณภาพ
และประสิทธิภาพของบุคคล และเมื่อบุคคลซึ่งเป็นสมาชิกของสังคมมีคุณภาพแล้วก็จะทำให้สังคมมีการพัฒนาตามไปด้วย
ประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาและเริ่มพัฒนาแนวความคิดในการพัฒนาการศึกษาแผนใหม่ขึ้น
แนวทางการพัฒนาการศึกษา
การพัฒนาการศึกษาของไทยได้มีการพัฒนามาตลอด ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงได้ทรงประดิษฐ์อักษรไทย เมื่อ พ.ศ.
1826 มีการจัดการศึกษาให้กับประชาชนไทย ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอ่านออกเขียนได้ และคิดเลขเป็น จนถึงช่วงปลายสมัยรัชกาลที่ 4
ต่อรัชกาลที่ 5 เป็นระยะที่วัฒนธรรมตะวันตกได้แพร่เข้ามาอย่างกว้างขวาง มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในหลาย ๆ ด้าน ได้มีการ
พัฒนารูปแบบการศึกษาอย่างรวดเร็ว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษา ได้โปรดให้
จัดตั้งโรงเรียนสำหรับราษฎรสามัญทั่วไป โดยกระทรวงธรรมการ ภายหลังจึงเปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน
การพัฒนาการศึกษาในระบบ
การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่ได้วางกฎเกณฑ์ระเบียบแบบแผน ตลอดทั้งวิธีการดำเนินงานไว้อย่างแน่นอน เช่น
มีหลักสูตร เนื้อหาสาระในหลักสูตร ระยะเวลาเรียนของแต่ละหลักสูตร คุณสมบัติของผู้เรียน โดยคำนึงถึงผู้ศึกษาจะนำไปใช้ในการ
ประกอบอาชีพ หรือทำการศึกษาต่อในระดับสูงขึ้น ปัจจุบันปรากฏว่าสถานศึกษาที่จัดตามระบบมีอยู่ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะใน
ชนบททำให้ประชาชนในชนบทเสียโอกาสที่จะศึกษาในระดับที่สูงกว่าการศึกษาภาคบังคับ รัฐบาลก็พยายามสร้างโรงเรียนในระดับ
มัธยมศึกษาให้กระจายไปสู่ท้องถิ่น ทั้งสนับสนุนให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาทุกระดับ แต่ยังไม่เป็นที่เพียงพอและ
ต้องพัฒนากันต่อไป
การพัฒนาการศึกษานอกระบบ
การศึกษานอกระบบ เป็นการจัดการศึกษาตามความต้องการของประชาชนในแต่ละท้องถิ่นหรือของแต่ละกลุ่มเป็นสำคัญ
ปกติจะเน้นการศึกษาที่ผู้ศึกษาสามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้โดยตรงและใช้เวลาเรียนไม่นานนัก เป็นการพัฒนาคนให้ม
ีคุณภาพ มีประสิทธิภาพในการทำงานประกอบอาชีพและดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งนับวันการศึกษานอกระบบจะมีความสำคัญ
มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นการแก้ปัญหาการศึกษาที่ตรงตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง การขยายการให้บริการแก่ประชาชน
อย่างทั่วถึงโดยเฉพาะในชนบท นับได้ว่าเป็นเสริมสร้างการพัฒนาสังคมที่สำคัญยิ่ง
สถาบันที่มีบทบาทต่อการพัฒนาการศึกษา
สถาบันที่สำคัญในการพัฒนาการศึกษา ได้แก่
บ้าน บ้านเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกของมนุษย์ ซึ่งมีบิดา - มารดา เป็นครูคนแรก เป็นการศึกษาตามธรรมชาติ การสืบ
ทอดวัฒนธรรมและค่านิยมจากครอบครัว
วัด เป็นสถาบันการศึกษาที่สำคัญในอดีต ปัจจุบันวัดก็ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษา โดยเฉพาะในด้านศีลธรรม
ศาสนพิธี ขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ
โรงเรียน เป็นสถานที่ให้การศึกษาโดยตรง มีบทบาทสำคัญที่สุดในการพัฒนาการศึกษาในปัจจุบัน โดยเฉพาะการศึกษา
ระดับประถมศึกษาอันเป็นการศึกษาภาคบังคับ และเป็นรากฐานการศึกษาในระดับสูงต่อไป
หน่วยงานอื่น ๆ ทั้งของรัฐและเอกชนมีบทบาทในการพัฒนาการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษานอกระบบ เช่น
กรมการศึกษานอกโรงเรียน กรมการพัฒนาชุมชน หน่วยงานเอกชนที่มีบทบาทในการส่งเสริมการพัฒนาการศึกษา เช่น สภาสังคม
สงเคราะห์แห่งประเทศไทย สภาสตรีฯ มูลนิธิต่าง
หน่วยงานที่ให้บริการทางการศึกษา
หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการให้บริการทางด้านการศึกษาให้แก่ชุมชนโดยตรง ก็คือ หน่วยงานที่อยู่ในสังกัดกระทรวง
ศึกษาธิการและทบวงมหาวิทยาลัย กล่าวคือ โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา โรงเรียนอาชีวศึกษาเป็นหน่วยงานที่ให้บริการ
ทางการศึกษาในระบบโรงเรียน และศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดเป็นหน่วยงานที่ให้บริการทางการศึกษานอกระบบโรงเรียน
ระดับที่ไม่สูงกว่ามัธยมศึกษา วิทยาลัยต่าง ๆ จะเป็นผู้ให้บริการในระดับที่สูงกว่ามัธยมศึกษา เช่น วิทยาลัยครู วิทยาลัยอาชีวศึกษา
เป็นต้น ในระดับปริญญามีมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในสังกัดของทบวงมหาวิทยาลัย กระจายอยู่ทุกภาคของประเทศ
การพัฒนาด้านสาธารณสุข
การสาธารณสุข หมายถึง การป้องกันและรักษาโรค ทำนุบำรุงให้ประชาชนมีสุขภาพและพลานามัยดี มีความสมบูรณ์ทั้งทาง
ร่างกายและจิตใจ สังคมใดจะเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าได้ จำเป็นต้องมีพลเมืองที่มีสุขภาพอนามัยดี อันเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนา
ประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องจัดให้มีการพัฒนาสาธารณสุขขึ้น การสาธารณสุขมีความสำคัญทั้งต่อตัวบุคคลและสังคม
ด้านบุคคล การสาธารณสุขทำให้บุคคลมีสุขภาพอนามัยดี มีร่างกายแข็งแรง สามารถทำงานประกอบอาชีพได้อย่างเต็มที่
สามารถสร้างฐานะครอบครัวให้มั่นคงได้เร็ว และดำรงชีพอยู่อย่างผาสุก
ด้านสังคม บุคคลเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของสังคม เมื่อบุคคลในสังคมเข้มแข็ง มีพลานามัยสมบูรณ์ ก็จะทำให้สังคมนั้น
มีความเข้มแข็งและเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง การพัฒนาสาธารณสุข นอกจากจะเกิด
ประโยชน์โดยตรงแก่ตัวบุคคลแล้ว จึงยังมีผลดีต่อสังคมโดยส่วนรวมอีกด้วย
การพัฒนาสาธารณสุขของไทย
การพัฒนาสาธารณสุขของไทยได้เริ่มตื่นตัวขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดโรคร้าย
ที่สำคัญได้แก่ ไข้มาลาเรีย อหิวาตกโรค ไข้ทรพิษ ผู้ป่วยมักจะถึงแก่ความตาย จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นเป็นแห่ง
แรกในประเทศไทย เมื่อพ.ศ.2431 คือ โรงพยาบาลศิริราช
ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2461 ซึ่งเป็นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงจัดตั้งกรมสาธารณสุขขึ้นใน
กระทรวงมหาดไทย ทำให้งานสาธารณสุขขยายวงกว้างออกไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น กรมสาธารณสุขได้ยกฐานะขึ้นเป็นกระทรวง
สาธารณสุข โดยมีแนวทางในการพัฒนาสาธารณสุขของไทย มุ่งแก้ปัญหาสำคัญ 4 ประการ คือ
1. ปัญหาด้านสาธารณสุขมูลฐาน ดำเนินการให้ความรู้และเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับสาธารณสุขให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะ
ผู้ที่อยู่ในชนบทห่างไกล เพื่อให้ประชาชนรู้จักรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ
2. ปัญหาการรักษาพยาบาล รัฐบาลได้พยายามจัดตั้งโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นทุกปี โดยมีเป้าหมายที่จะให้มีโรงพยาบาลขนาด
ใหญ่เป็นศูนย์กลางพยาบาลประจำอยู่ทุกภาค
3. ปัญหาการค้นคว้าและเทคนิคการแพทย์ รัฐบาลเร่งส่งเสริมให้มีการศึกษาค้นคว้าหาวิธีการต่าง ๆ สำหรับใช้ในการ
ตรวจพิสูจน์โรคให้มีประสิทธิภาพยิ่ง ๆ ขึ้น ปัจจุบันการแพทย์ไทยได้รับการยกย่องว่ามีความรู้ความสามารถในการตรวจรักษาไม่แพ้
การแพทย์ของต่างประเทศ
4. ปัญหาการขาดแคลนแพทย์พยาบาล เนื่องจากอัตราการเกิดของประชากรกับอัตราการผลิตแพทย์ของไทยไม่สมดุลกัน
แหล่งบริการด้านสาธารณสุข ได้กระจายหน่วยบริการออกไปให้บริการแก่ประชาชน ดังนี้
1. ระดับหมู่บ้าน มีเจ้าหน้าที่ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข (ผสส.) และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทำหน้าที่ให้บริการ
2. ระดับตำบล มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำตำบลอยู่ที่สถานีอนามัยประจำตำบล
3. ระดับอำเภอ มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำอยู่ทุกอำเภอ
4.ระดับจังหวัด มีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งในปัจจุบันมีโรงพยาบาลประจำจังหวัดทุกจังหวัดคอยให้
บริการแก่ประชาชนได้อย่างทั่วถึง
การรวมกลุ่มและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนา
การพัฒนาสังคม เป็นการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาของสังคมให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น การแก้
ปัญหานั้นจำเป็นจะต้องรู้ถึงสาเหตุของปัญหานั้นอย่างแท้จริง จึงจะสามารถทำงานให้บรรลุผลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิผล และ
ปัญหาของสังคมจะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนในสังคมนั้นเอง ดังนั้นการเข้ามีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาจึงนับว่ามีความจำเป็น
อย่างยิ่ง และการเข้ามีส่วนร่วมของประชาชนจะส่งเสริมให้งานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นก็โดยการรวมกันเป็นกลุ่ม
ลักษณะของการรวมกลุ่ม เป็นการร่วมมือร่วมใจของคนหลาย ๆ คนช่วยกันปฏิบัติงานตามหน้าที่โดยมีการประสานงาน
กันสนับสนุนกัน ทำหน้าที่แทนกันได้ และมีความรับผิดชอบร่วมกัน โดยเข้าใจวัตถุประสงค์ของการทำงานนั้นไปในทางเดียวกัน
การรวมกลุ่มที่ดีควรเป็นดังนี้
1. ทุกคนเข้าใจและเต็มใจที่เอาตัวเข้าไปผูกพันในงานที่จะทำ
2. ทุกคนมีส่วนร่วมในการวางแผนงาน และให้ทุกคนเข้าใจและทำงานไปตามขั้นตอนของแผนนั้น หากมีปัญหาอุปสรรคใด ๆ
ก็ช่วยกันพิจารณาแก้ไข
3. ต้องกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละคนไว้อย่างแจ้งชัด เพื่อช่วยกันทำงานให้เชื่อมประสานกัน
4. ต้องถือว่าทุกคนมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เวลาประชุมปรึกษาหารือจะต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น
ของตนอย่างเต็มที่และเสรี
5. ผลสำเร็จของงานต้องถือว่าเป็นผลสำเร็จของทุกคน
บทบาทของผู้นำกลุ่ม ผู้นำจะต้องเป็นแบบฉบับที่ดีเป็นที่เชื่อถือของผู้ตาม ทั้งในด้านความประพฤติส่วนตัวและการปฏิบัติ
งาน จะต้องไม่เผด็จการหรือถือตัวเองสำคัญกว่าคนอื่น พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และจะต้องเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย ให้ผู้ตามเขา
ตามด้วยความเลื่อมใสศรัทธา ผู้นำจะต้องทำงานเป็นปากเป็นเสียงแทนสมาชิกกลุ่ม
บทบาทของผู้ตาม ผู้ตามที่ดีจะต้องร่วมทำงานด้วยเหตุผล จะต้องคอยสอดส่องติดตามการทำงานของผู้นำ (แต่มิใช่คอยจับ
ผิด) คอยให้สติ เพราะผู้นำอาจทำผิดพลาดนอกเหนือจากที่ได้รับมอบหมายจากกลุ่ม มิฉะนั้นผลอาจจะตกแก่กลุ่มโดยที่มิใช่วัตถุ
ประสงค์ของกลุ่มที่แท้จริง ผู้นำกับผู้ตามจะต้องสนับสนุนและประสานงานกันอยู่เสมอ พร้อมทั้งให้เกียรติซึ่งกันและกัน
บทบาทของกลุ่มในการพัฒนา การทำงานเป็นกลุ่มสามารถทำงานใหญ่ ๆ ให้สำเร็จได้อย่างมีประสิทธิผลยิ่งกว่าการทำงาน
แบบใช้คน ๆ เดียว
บทบาทของสตรีในการพัฒนา ปัจจุบันสตรีมีบทบาทในทางสังคมเท่าเทียมกับชายทุกประการ ในสังคมชนบทได้มีการ
จัดตั้งกลุ่มสตรีหรือกลุ่มแม่บ้านขึ้นช่วยงานพัฒนามากมาย โดยเฉพาะการพัฒนาขั้นพื้นฐานความเป็นอยู่ในครอบครัว สตรีมีบทบาท
สำคัญที่สุด
บทบาทของเยาวชนในการพัฒนา เยาวชนเป็นวัยแรงงานที่มีค่ามากในสังคมชนบทของไทยมีเยาวชนจำนวนไม่น้อยที่ไม่
มีโอกาสได้รับการศึกษาในระดับสูง ๆ และไม่มีงานที่จะทำ รัฐจึงพยายามจัดตั้งกลุ่มเยาวชนขึ้นแทบทุกตำบล อบรมให้รู้จักการทำงาน
ร่วมกัน ช่วยกันพัฒนาท้องถิ่นของตน เยาวชนเหล่านั้นสามารถทำงานเพื่อส่วนรวมได้อย่างดี

ศิลปะ

วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

คอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์  หมายถึง  เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานคำนวณผลและเปรียบเทียบค่าตามชุดคำสั่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้คำจำกัดความว่า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่ เสมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์
การจำแนกคอมพิวเตอร์ตามลักษณะวิธีการทำงานภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1. แอนะล็อกคอมพิวเตอร์ [ Analog Computer]
เป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้ใช้ค่าตัวเลขเป็นหลักของการคำนวณ แต่จะใช้ค่าระดับแรงดันไฟฟ้าแทน แอนะล็อกคอมพิวเตอร์จะมีลักษณะเป็นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่แยกส่วนทำหน้าที่เป็นตัวกระทำและเป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ จึงเหมาะสำหรับงานคำนวณทางวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมที่อยู่ในรูปของสมการทางคณิตศาสตร์ เช่น การจำลองการบิน การศึกษาการสั่นสะเทือนของตึกเนื่องจากแผ่นดินไหว เป็นต้น ในปัจจุบันไม่ค่อยพบเห็นแอนะล็อกคอมพิวเตอร์เท่าไรนักเพราะผลการคำนวณมีความละเอียดน้อย ทำให้มีขีดจำกัดใช้ได้กับงานเฉพาะบางอย่างเท่านั้น
2. ดิจิทัลคอมพิวเตอร์ [Digital Computer]
เป็นเครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้งานเกี่ยวกับตัวเลข ค่าตัวเลขของการคำนวณในดิจิทัลคอมพิวเตอร์จะแสดงเป็นหลัก แต่จะเป็นระบบเลขฐานสองที่มีสัญลักษณ์ตัวเลขเพียงสองตัว คือ 0 และ 1 เท่านั้น โดยสัญลักษณ์ทั้งสองตัวนี้ จะแทนลักษณะการทำงานภายในซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่ต่างกัน การคำนวณภายในดิจิทัลคอมพิวเตอร์จะเป็นการประมวลผลด้วยระบบเลขฐานสองทั้งหมด เครื่องดิจิทัลคอมพิวเตอร์หรือนิยมเรียกสั้นๆ ว่า คอมพิวเตอร์ กำลังได้รับความนิยมกันมากในขณะนี้ และพบเห็นอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน
วิวัฒนาการของคอมพิวเตอร์ได้แบ่งเป็น 5 ยุค ตามลักษณะโครงสร้างและเทคโนโลยี ดังนี้
1]. คอมพิวเตอร์ยุคแรก [อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2488 - พ.ศ. 2501]
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้หลอดสุญญากาศ ใช้กำลังไฟฟ้าสูง มีปัญหาเรื่องความร้อนและไส้หลอดขาดบ่อย การสั่งงานใช้ภาษาเครื่องซึ่งเป็นรหัสตัวเลขที่ยุ่งยากซับซ้อน เครื่องคอมพิวเตอร์ในยุคนี้มีขนาดใหญ่โต เช่น มาร์ค วัน [Mark I], อีนิแอค [ENIAC], ยูนิแวค [UNIVAC]

2]. คอมพิวเตอร์ยุคที่สอง [อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2502 - พ.ศ. 2506]
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทรานซิสเตอร์ โดยมีแกนเฟอร์ไรท์เป็นหน่วยความจำ มีอุปกรณ์เก็บข้อมูลสำรองในรูปของสื่อบันทึกแม่เหล็ก เช่น จานแม่เหล็ก ส่วนทางด้านซอฟต์แวร์ มีการสั่งงานโดยใช้ภาษาระดับสูงซึ่งเป็นภาษาที่เขียนเป็นประโยคที่สามารถเข้าาใจได้ เช่น ภาษาฟอร์แทน ภาษาโคบอล เป็นต้น ภาษาระดับสูงนี้ได้มีการพัฒนาและใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน

3]. คอมพิวเตอร์ยุคที่สาม [อยู่ระหว่างปี พ.ศ. 2507 - พ.ศ. 2512]
เป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวม [Integrated Circuit : IC] โดยวงจรรวมแต่ละตัวจะมีทรานซิสเตอร์บรรจุอยู่ภายในมากมาย ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง ไม่สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า โครงสร้างของคอมพิวเตอร์จะออกแบบซับซ้อนมากขึ้น และสามารถสร้างเป็นโปรแกรมย่อยๆ ในการกำหนดชุดคำสั่งต่างๆ ทางด้านซอฟต์แวร์มีระบบควบคุมที่มีความสามารถสูงทั้งในรูประบบแบ่งเวลาการทำงานให้กับงานหลายๆ อย่าง

4]. คอมพิวเตอร์ยุคที่สี่ [ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 - ปัจจุบัน]
เป็นยุคของคอมพิวเตอร์ที่ใช้วงจรรวมความจุสูงมาก [Very Large Scale Integration : VLSI] เช่น ไมโครโพรเซสเซอร์ที่บรรจุทรานซิสเตอร์นับหมื่นนับแสนตัว ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงสามารถตั้งบนโต๊ะในสำนักงานหรือพกพาเหมือนกระเป๋าหิ้วไปในที่ต่างๆ ได้ มีการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นมาก มีโปรแกรมสสำเร็จให้เลือกใช้กันมาก ทำให้เกิดความสะดวกในการใช้งานอย่างกว้างขวาง

5]. คอมพิวเตอร์ยุคที่ห้า
เป็นคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์พยายามนำมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและแก้ปัญหาให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีการเก็บความรอบรู้ต่างๆ เข้าไว้ในเครื่อง สามารถเรียกค้นและดึงความรู้ที่สะสมไว้มาใช้งานให้เกิดประโยชน์ คอมพิวเตอร์ยุคนี้เป็นผลจากวิชาการด้านปัญญาประดิษฐ์ [Artificial Intelligence : AI] ประเทศต่างๆ ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศในทวีปยุโรปกำลังสนใจค้นคว้า และพัฒนาทางด้านนี้กันอย่างจริงจัง
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์คืออะไร
คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electrinic device) ที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการจัดการกับข้อมูลที่อาจเป็นได้ ทั้งตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่าง ๆ โดยคุณสมบัติที่สำคัญของคอมพิวเตอร์คือการที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งล่วงหน้าหรือโปรแกรมได้ (programmable) นั่นคือคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับชุดคำสั่งที่เลือกมาใช้งาน ทำให้สามารถนำคอมพิวเตอร์ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น ใช้ในการตรวจคลื่นความถี่ของหัวใจ การฝาก - ถอนเงินในธนาคาร การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ เป็นต้น ข้อดีของคอมพิวเตอร์ คือ เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพ มีความถูกต้อง และมีความรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็นงานชนิดใดก็ตาม เครื่องคอมพิวเตอร์จะมีวงจรการทำงานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คือ
  1. รับข้อมูล (Input) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการรับข้อมูลจากหน่วยรับข้อมูล (input unit) เช่น คีบอร์ด หรือ เมาส์
  2. ประมวลผล (Processing) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการประมวลผลกับข้อมูล เพื่อแปลงให้อยู่ในรูปอื่นตามที่ต้องการ
  3. แสดงผล (Output) เครื่องคอมพิวเตอร์จะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit) เช่น เครื่องพิมพ์ หรือจอภาพ
  4. เก็บข้อมูล (Storage) เครื่องคอมพิวเตอร์จะทำการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้ในหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนำมาใช้ใหม่ได้ในอนาคต
แสดงขั้นตอนการทำงานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์

  • คุณสมบัติของคอมพิวเตอร์
    ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่นิยมนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานต่าง ๆ มากมาย ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่สามารถทำงานได้สารพัด แต่ผู้ที่มีความรู้ทางคอมพิวเตอร์จะทราบว่า งานที่เหมาะกับการนำคอมพิวเตอร์มาใช้อย่างยิ่งคือการสร้าง สารสนเทศ ซึ่งสารสนเทศเหล่านั้นสามารถนำมาพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ ส่งผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือจัดเก็บไว้ใช้ในอนาคนก็ได้ เนื่องจากคอมพิวเตอร์จะมีคุณสมบัติต่าง ๆ คือ
    • ความเร็ว (speed) คอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนี้สามารถทำงานได้ถึงร้อยล้านคำสั่งในหนึ่งวินาที
    • ความเชื่อถือ (reliable) คอมพิวเตอร์ทุกวันนี้จะทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างไม่มีข้อผิดพลาด และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
    • ความถูกต้องแม่นยำ (accurate) วงจรคอมพิวเตอร์นั้นจะให้ผลของการคำนวณที่ถูกต้องเสมอหากผลของการคำนวณผิดจากที่ควรจะเป็น มักเกิดจากความผิดพลาดของโปรแกรมหรือข้อมูลที่เข้าสู่โปรแกรม
    • เก็บข้อมูลจำนวนมาก ๆ ได้ (store massive amounts of information) ไมโครคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน จะมีที่เก็บข้อมูลสำรองที่มีความสูงมากกว่าหนึ่งพันล้านตัวอักษร และสำหรับระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่จะสามารถเก็บข้อมูลได้มากกว่าหนึ่งล้าน ๆ ตัวอักษร
    • ย้ายข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกทีหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว (move information) โดยใช้การติดต่อสื่อสารผ่านระบบ เครือข่ายคอมพิวเตอรซึ่งสามารถส่งพจนานุกรมหนึ่งเล่มในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ไกลคนซีกโลกได้ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งวินาที ทำให้มีการเรียกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมกันทั่วโลกในปัจจุบันว่า ทางด่วนสารสนเทศ (Information Superhighway)
    ผู้ที่สนใจศึกษาทางด้านคอมพิวเตอร์ จะต้องศึกษาหลักการทำงานพื้นฐานของเครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมประยุกต์ต่าง ๆ รวมทั้งจะต้องศึกษาถึงผลกระทบจากคอมพิวเตอร์ต่อสังคมในวันนี้ ทั้งในแง่บวกและแง่ลบ โดยในแง่บวกนั้นจะมองเห็นได้ง่ายจากสภาพแวดล้อมทั่วไป นั่นคือทำให้สามารถทำงานต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วขึ้น เริ่มตั้งแต่การจัดเก็บเอกสาร การพิมพ์จดหมาย การจัดทำหนังสือพิมพ์และวารสารต่าง ๆ การฝาก - ถอนเงินในธนาคาร การจ่างเงินซื้อสินค้า ตรวจความผิดปกติของทารกในครรภ์ และในทางการแพทย์อื่น ๆ อีกมากมาย
    ในแง่ลบก็มีไม่น้อย เช่น
    • โรงงานผลิตอุปกรณ์ของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นต้องใช้สารเคมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้เกิดมลพิษต่าง ๆ มากมาย
    • ผู้ใช้อาจมีอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากการทำงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ เช่น อาจมีการปวดหลังไหล่ที่เกิดจากการนั่งอยู่หน้าเครื่องนาน ๆ หรืออาจเกิดอาการ Carpal Tunnel Syndrome (CTS) ซึ่งเป็นอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากเส้นประสาทบริเวณข้อมูลถูกกดทับเป็นเวลานาน ๆ โดยอาจเกิดจากการใช้คีย์บอร์ดหรือเมาส์ รวมทั้งอาจมีอันตรายจากรังสีออกมาจากจอคอมพิวเตอร์ด้วย
    • ถ้าคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาดในระบบที่มีความสำคัญมาก ๆ อาจเป็นอันตรายกับชีวิตมนุษย์ได้ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมการจราจรทางอากาศ เป็นต้น

  • ประเภทของคอมเครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ที่ใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน คือ ไมโครคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีการใช้งานกันมาก ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน ตลอดจนในสถานศึกษาต่างๆ ไมโครคอมพิวเตอร์เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก แต่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงกว่าเครื่องขนาดใหญ่ในสมัยก่อนเสียอีก อย่างไรก็ดีแม้ว่าไมโครคอมพิวเตอร์จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ทำไม่สามารถทำงานที่ใหญ่ และมีความซับซ้อนได้ เช่น งานของระบบธนาคารหรืออุตสาหกรรมซึ้งมีปริมาณมากและมีความซับซ้อนจะเป็นงานที่จำเป็นต้องใช้คอมพิวเตอร์ที่ทำงานได้ดีกว่าเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์
  • องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์ ระบบคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 5 ส่วนด้วยกัน คือ ฮาร์ดแวร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์ (Sofeware) บุคลากร (Peopleware) ข้อมูลและสารสนเทศ (Data/Information) และกระบวนการทำงาน (Procedure)

คณิตศาสตร์

การนำเสนอข้อมูล
พิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวัน พัฒนาการคอมพิวเตอร์ทำให้คอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลง มีขีดความสามารถสูงขึ้น คำนวณได้เร็ว และยังแสดงผลในแบบรูปภาพได้ดี ด้วยเหตุนี้จึงมีการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับการใช้งานในระดับส่วนตัวมากมาย เช่น การสร้างเอกสาร สามารถจัดพิมพ์เอกสารที่มีความสวยงาม พิมพ์เอกสารที่เป็นตาราง รูปภาพ หรือการจัดรูปแบบเอกสาร เพื่อนำเสนอได้ดี ยังมีในรูปแบบตารางคำนวณที่เรียกว่า สเปรดชีต หรือ อิเล็กทรอนิกส์สเปรดชีต ตารางคำนวณมีขีดความสามารถเชิงคำนวณได้สูง คำนวณตามฟังก์ชันต่างๆ ผู้ใช้ใช้งานได้ง่ายโดยไม่ต้องเขียนโปรแกรม สามารถสร้างรูปกราฟแบบต่างๆ และนำเสนอผลจากตัวเลขในรูปแบบที่เป็นรูปกราฟเพื่อความเข้าใจที่ดีได้
คอม
จากนี้ยังมีโปรแกรมกราฟิกส์ที่ใช้ในการนำเสนอผลงานโดยเฉพาะ เช่น โปรแกรมเพาเวอร์พอยต์ โปรแกรมนำเสนอผลงานสามารถเขียนกราฟและภาพกราฟิกส์ที่สวยงาม เพื่อใช้ในการแสดงผลได้ดี มีผู้นิยมใช้มากเพราะใช้งานได้ง่าย มีคุณภาพ ประกอบกับภาพแสดงผลในปัจจุบันสามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องฉายภาพ เพื่อนำเสนอในห้องประชุม หรือนำเสนอต่อบุคคลจำนวนมากได้ ในการนำเสนอผลงานจึงต้องมีหลักการ และการเลือกรูปภาพ ให้เหมาะสม เรามีรูปแบบของกราฟหลากหลายรูปแบบ
ฮิสโตแกรมกราฟแท่ง
การนำเสนอข้อมูลแบบอนุกรมกราฟวงกลม
กราฟ HI-LOกราฟ Scattering
นอก

สุขศึกษา


   ความหมายการวางแผนครอบครัว     การวางแผนครอบครัว คือ การที่สามีภรรยาวางแผนล่วงหน้าว่าจะมีลูกเมื่อใด มีกี่คน โดยวิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราวไว้ในระยะต้องการเว้นระยะลูกให้ห่างและใช้วิธีคุมกำเนิดแบบถาวร การทำหมันเป็นสิ่งแรกที่เราจะต้องคิดและตกลง กับสามี ภรรยา คิดร่วมกันไม่ใช่คนหนึ่งคนใดคิด หากเราไม่วางแผน เมื่อมีลูกแล้ว เราอาจจะไม่ได้ดูแลเขาอย่างเต็มที่ ชีวิตครอบครัวจะมีปัญหา ถ้าเราวางแผนครอบครัวไม่ดี เราอาจจะมีลูกมากเกินไป เราดูแลไม่เต็มที่
 เราจะทำให้ครอบครัวมีความสุขได้อย่างไร       หากไม่มีลูกหล่ะ ครอบครัวเราจะเป็นอย่างไร และหากมีลูกคนเดียว จะเพียงพอหรือไม่
ลูกเป็นของขวัญ ไม่ใช่เป็นภาระ หรือห่วงผูกคอ
บางคนมีลูกหัวปี ท้ายปี จนทำให้ไม่มีเวลาในการดูแลเขาได้อย่างดี และสร้างแรงกดดัน ให้กับครอบครัวมากเกินไปและไม่ควรจะปล่อยให้มีลูก โดยที่ 
เราไม่วางแผน เพราะบางครอบครัว เมื่อไม่วางแผน พอมีลูก อาจจะทำให้รู้สึกขมขื่นเวลาเลี้ยงลูก เพราะสภาพไม่พร้อม เช่น ภรรยาต้องทิ้งหน้าที่การงาน มาเลี้ยงลูก หรือ อายุยังน้อยไม่พร้อมจะเลี้ยงลูก ฯลฯ     แต่ละครอบครัวมีสิ่งที่เอื้ออำนวยเลี้ยงลูกไม่เท่าเทียมกัน ไม่ควรเปรียบเทียบกันกับครอบ ครัวอื่น
ความจำกัด อาจจะทำให้เราเลี้ยงดูไม่ได้อย่างดีเพียงพอ เราจึงต้องวางแผน ไม่ใช่เลี้ยง ตามยถากรรม จะสร้างปัญหา ให้เกิดขึ้น ทั้งในครอบครัว สังคม ประเทศชาติ
    ความสำคัญของการวางแผนครอบครัว 
       ช่วยให้คู่สมรสที่เพิ่งแต่งงาน ได้มีโอกาสปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกันก่อนมีลูก
ครอบครัวมีความเป็นอยู่ดี ลูกมีโอกาสได้รับการศึกษาที่สูง
คู่สมรสสามารถเว้นระยะการมีลูกหรือจำกัดขนาดของครอบครัวได้
คู่สมรสมีโอกาสสร้างฐานะการเงินให้มั่นคงได้
สุขภาพของผู้เป็นมารดาไม่ทรุดโทรม สามารถดูแลครอบครัวได้เต็มที่
 
 
       ควรจะมีลูกเมื่อไร? 
มีความพร้อมด้านจิตใจ คู่สมรสที่ต้องการมีลูกเท่านั้นจึงควรจะมีลูกได้ คู่สมรสจะต้องเตรียมใจและเต็มใจที่จะได้ชื่นชมลูกที่เกิดมา
สามีภรรยาที่มีการปรับตัวในชีวิตสมรสดีเท่านั้นที่ควรจะมีลูก
เมื่อสุขภาพร่างกายของมารดาแข็งแรงดี จะเป็นผลทำให้ลูกที่เกิดมา มีสุขภาพกาย และ สุขภาพจิตดี
เมื่อมีความพร้อมด้านเศรษฐกิจการมีลูกจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวมากคู่สมรสควรคำนึงถึง
เมื่อมีเวลาที่จะดูแลลูก การที่ลูกจะเติบโตเป็นเด็กที่มีคุณภาพขึ้นอยู่กับการเอาใจใส่ ให้ความรัก ความอบอุ่น กับลูกของบิดามารดา